วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เทคนิคการสังเกตสัญญาณเตือนจากไฟรถยนต์



             เจ้าของความรู้  นายชาญณรงค์  จิรขจรกุล
             หมายเลขโทรศัพท์  054-829768
            ที่ติดต่อ  ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนลำปาง
                            83 หมู่ 10 ตำบล ปงแสนทอง อำเภอ เมือง จังหวัด ลำปาง 52100

           ความเป็นมา  ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 ข้าพเจ้าเข้ารับตำแหน่ง พนักงานขับรถยนต์ ประจำศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนลำปาง ได้ขับรถยนต์ไปราชการต่างจังหวัดในหลายต่อหลายครั้ง ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน โดยสังเกตเห็นสัญญาณเตือนข้างทางทั้งที่เป็นวัตถุมองเห็นได้ชัดเจนกับสัญญาณไฟจราจรต่างๆมากมาย ซึ่งสัญญาณเหล่านี้สำหรับผู้ที่ขับขี่รถยนต์บนท้องถนนคงทราบกันดี แต่คงยังมีสัญญาณไฟจากรถยนต์ที่มีบางท่านยังไม่เข้าใจว่าในแต่ละครั้งนั้นที่มีการส่งสัญญาณมาหมายความว่าอย่างไร ในบางครั้งหากเราไม่เข้าใจแล้วนั้น อาจทำให้เกิดอันตรายต่อทรัพย์สินหรือชีวิตได้ แต่ถ้าเราเข้าใจสัญญาณไฟเหล่านั้นก็จะทำให้เกิดความปลอดภัยในการขับขี่รถยนต์บนท้องถนนมากขึ้น
          วิธีการสังเกตง่ายๆจะมีบอก 2 จุด คือ ไฟหน้าและไฟเลี้ยว โดยมากจะเตือนอยู่ 2 เรื่อง คือ 1.เรื่องด่านตรวจต่างๆ 2.อุบัติเหตุหรือมีสิ่งกีดขวางการจราจร ซึ่งถ้าเข้าใจการสังเกตสัญญาณไฟก็จะเข้าใจถูกต้องไม่ยากเลย.....โดยมากที่เห็นได้ตามท้องถนน มีดังนี้
          1.เปิดไฟ ซ้ายที-ขวาที สลับกันไป ซึ่งมักพบกับรถทุกประเภท ให้เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เพราะมีการเบรกกะทันหันหรือข้างหน้าอาจจะมีอุบัติเหตุ เมื่อพบสัญญาณไฟลักษณะนี้ไม่ควรแซง เพราะอาจจะมีสิ่งกีดขวาง
          2. เปิดไฟ เลี้ยวซ้ายแล้วชะลอความเร็ว สัญญาณนี้ คือ สามารถแซงขวาได้ ส่วนมากจะพบในถนน 2 เลนสวนกัน แต่ก็ต้องดูความปลอดภัยเองด้วย รวมถึงสังเกตว่าเขาจะจอดรึเปล่าโดยปกติแล้วถ้ารถจะจอดจะชิดขอบทางด้านซ้ายทันทีพร้อมเปิดไฟเลี้ยวซ้าย
                  3.เปิดไฟ เลี้ยวขวา ถ้าพบสัญญาณไฟนี้อยู่บนถนนทางหลวงนั้น หมายถึง การขอทางเพื่อแซงรถคันหน้า ซึ่งหากเป็นเราขับจะให้หรือไม่ให้แซงนั้นควรดูความเร็วและระยะทางความห่างของรถเรา แต่หากเจอรถ 10 ล้อเปิดไฟนี้ควรที่จะชะลอทันที เพราะเขาจะแซงออกมาทันที และหลังจากนั้นเราจะแซงเขาจะเปิดไฟเลี้ยวซ้ายก็แสดงว่าทางสะดวกเราแซงได้
                  4.ขับรถสวนกันแล้วรถฝั่งตรงข้ามกระพริบไฟ 2 ที หรือ ปิด-เปิดไฟหน้า ในตอนกลางคืน ควรชะลอความเร็วทันทีเพราะสัญญาณนี้อาจจะมีอุบัติเหตุข้างหน้าเรา โดยสัญญาณนี้จะใช้กันในระยะไม่เกิน 500 เมตรถึง 1 กิโลเมตร จากจุดเกิดเหตุ
                   5.กระพริบไฟหน้าพร้อมเปิดไฟเลี้ยวขวา เป็นการบอกว่ามีด่านตรวจอยู่ด้านหน้าเรา
                  6.ในตอนเวลาเรากลับรถ รถที่ขับสวนมากระพริบไฟให้เรา 1 ที ( ส่วนมากเข้าใจผิดกับสัญญาณนี้ทั้งผู้ใช้และผู้สังเกต ) หมายถึง ทางสะดวกกลับรถได้เลย สัญญาณนี้เป็นมาตรฐานสากลใช้กันทั่วโลกแต่ถ้ากระพริบไฟ 2 ที หรืออาจบีบแตรด้วย แสดงว่า ไม่อนุญาตให้กลับรถเพราะเขาอาจจะขับรถมาด้วยความเร็วสูง
                  7.ขับรถสวนกันแล้วกระพริบไฟ 1 ที เป็นการสอบถามความสะดวกในการขับขี่ทางข้างหน้า เช่น ด่านตรวจและเป็นการทักทายหรือตรวจสอบคนขับรถในคันที่สวนมา ว่าง่วงนอนหรือจะมรอาการหลับในหรือเปล่า ถ้าไม่มี ให้เรากระพริบไฟตอบ 1 ที หมายถึง ทางสะดวกและเพื่อเป็นการทักทายไม่มีอะไรมาก
                   8.ในเลนสวนกัน พบรถช้าและคันที่ 2 ในขบวนกระพริบไฟแล้วเบนหัวออกลักษณะนี้ให้ชะลอความเร็วและชิดไหล่ทางทันที เพราะรถคันที่ให้สัญญาณดังกล่าวกำลังจะแซง ซึ่งเขาจะไม่รอช้าให้คุณผ่านไปก่อน ควรจะหลบเข้าข้างทางเสียเพื่อความปลอดภัย
                  9.ในเลนสวนกัน รถเปิดไฟเต็มดวงแล้วกระพริบไฟขณะแซง แสดงว่า เขาลากเพื่อนมาด้วย คือ อาจจะมีรถตามมาด้วย 4-5 คัน เราก็ควรที่จะชะลอความเร็วลงไหล่ทางเหมือนกัน บางครั้งอาจหมายถึงแซงทั้งขบวนควรระวังให้ดี

              สัญญาณเหล่านี้ เป็นเพื่อนร่วมทางมักให้สัญญาณในกรณีต่างๆบนท้องถนน ซึ่งการกระทำเหล่านี้มีประโยชน์มากในการใช้ทางร่วมกันในยามขับขี่รถยนต์หรือเดินทางไกลไปต่างจังหวัด ทำให้เกิดความสุขในระหว่าการขับขี่และเกิดความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ช่วยแลกเปลี่ยนด้วย..